ทันทีที่การลงมติเสร็จสิ้น นักการทูตตัวแทนจากสำนักงานผู้แทนถาวรเมียนมาร์แห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) กล่าวแสดงความไม่พอใจต่อการที่ที่ประชุมใช้คำว่า "ชาวโรฮิงญา" ในร่างมติ และเตือนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่สวจะยิ่งกระตุ้นความรุนแรงในรัฐยะไข่ ซึ่งรัฐบาลเมียนมาร์จะเร่งหารือเพื่อแสดงท่าทีในเรื่องนี้โดยเร็วแม้ร่างมติจะต้องผ่านการพิจารณาของที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) อีกครั้ง แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าไม่น่ามีอุปสรรคสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่าที่ประชุมด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น ภายใต้การกำกับดูแลของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอชอาร์ซี ) มีฉันทามติเมื่อวันศุกร์ เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาร์มอบสิทธิความเป็นพลเมืองให้กับชาวโรฮิงญา และแสดงความกังวลต่อสถานการณ์การรุนแรงระหว่างประชาชนนับถือต่างศาสนาในรัฐ ยะไข่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2555 และทำให้ชาวโรงฮิงญาราว 140,000 คนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
นอกจากนี้ ร่างมติของยูเอ็นเอชอาร์ซี ซึ่งเสนอโดยสหภาพยุโรป ( อียู ) ยังเรียกร้องให้ทางการเมียนมาร์ปกป้องสิทธิมนุษยชนของประชาชนทุกเชื้อชาติ และทุกศาสนาในรัฐยะไข่อย่างเป็นธรรมด้วย เพื่อให้ทุกคนได้รับการดูแลตามสิทธิพื้นฐานของความเป็นพลเมืองอย่างเท่า เทียมกัน อย่างไรก็ตาม ยูเอ็นเอชอาร์ซีชื่นชมความพยายามปฏิรูปประเทศของทางการเมียนมาร์ที่พัฒนาไป ในทางที่ดี
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น