เพียงไม่นานหลังคำพิพากษาได้รับการเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ น็อกซ์ วัย 27 ปี ออกแถลงการณ์จากบ้านพักในเมืองซีแอตเทิล แสดงความโล่งใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อคำพิพากษาของศาลฎีกาอิตาลี ขณะที่โซลเลซิโต วัย 31 ปี ให้สัมภาษณ์กับกองทัพสื่อมวลชนที่มาปักหลักรออยู่หน้าบ้านพักทางตอนใต้ของ อิตาลี แสดงความโล่งใจอย่างยิ่งเช่นกัน และนับจากนี้ตนจะได้ใช้ชีวิตตามปกติดังเช่นคนทั่วไปเสียที ด้านครอบครัวของเคอร์เชอร์แสดงความ "ผิดหวังอย่างยิ่ง" ต่อคำตัดสินของศาล ว่าสะท้อนความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของกระบวนการยุติธรรมในอิตาลีน็อกซ์ และโซลเลซิโตถูกจับกุมเพียงไม่กี่วันหลังเกิดเหตุ และทั้งคู่รับโทษจำคุกเป็นเวลา 4 ปีในอิตาลี จนถึงปี 2554 ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้ทั้งคู่ไม่มีความผิด และทั้งสองคนแยกย้ายเดินทางกลับภูมิลำเนาของตัวเองทันทีภายใต้เงื่อนไขของ การประกันตัว ขณะที่กระบวนการพิจารณาคดีได้รับการอุทธรณ์จนถึงศาลฎีกา ซึ่งมีคำพิพากษาในที่สุด ว่าทั้งคู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเคอร์เชอร์ วัย 21 ปี โดยสภาพศพของเหยื่อมีบาดแผลจากการถูกปาดคอ และร่องรอยของการมีเพศสัมพันธ์ ที่สำนวนคดีระบุเกิดจากการเสพยาและการร่วมหลับนอนหมู่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญวิจารณ์ขั้นตอนการเก็บตัวเอย่างดีเอ็นเอของเจ้าหน้าที่ ว่า "คลุมเครือ"สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ว่าศาลยุติธรรมสูงสุดของอิตาลีมีคำพิพากษาเมื่อวันศุกร์ ให้น.ส.อแมนดา น็อกซ์ ชาวอเมริกัน และนายราฟฟาเอลโล โซลเลซิโต อดีตคนรักชาวอิตาเลียนของเธอ พ้นผิดจากทุกข้อกล่าวหา ในคดีเจตนาร่วมกันสังหารโหดน.ส.เมเรดิธ เคอร์เชอร์ นักศึกษาสาวชาวอังกฤษ เมื่อเดือนพ.ย. 2550 ภายในอพาร์ตเมนต์ของน็อกซ์ที่เมืองเปรูจา ทางตอนกลางของอิตาลี สถานที่ที่น็อกซ์และเคอร์เชอร์อาศัยอยู่ร่วมกันขณะเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น