ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเตรียมการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นผู้รับผิดชอบจัดงาน ได้เรียกประชุมส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมของรูปแบบในการจัดเวทีโดยมีรายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของผู้ดำเนินรายการเวทีนี้ ที่ประชุมมีการเสนอชื่อผู้ดำเนินรายการที่มีความชำนาญในการดำเนินการเสวนา ซึ่งมีการเสนอชื่อหลายคนรวมถึงนายสุทธิชัย หยุ่น ผู้บริหารเครือเนชั่น แต่ที่ประชุมเกรงว่านายสุทธิชัย เป็นผู้ใหญ่แล้ว และประเด็นดังกล่าว อาจจะทำให้สังคมจะมองว่านายสุทธิชัย เป็นคู่ขัดแย้ง ดังนั้น สุดท้ายที่ประชุมก็ได้เลือกนายอภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ ผู้ดำเนินรายการ "เถียงให้รู้เรื่อง" มาดำเนินการเสวนา
รายงานข่าว ระบุว่า ขณะนี้มีการเสนอชื่อของภาคประชาชนบางส่วนที่จะขึ้นเวทีดังกล่าวมาที่กระทรวง พลังงานแล้ว อาทิ น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระ ขณะที่ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล นำโดยนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และนายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนมีความตั้งใจว่าหลังมีการพูดคุยในเวทีนี้แล้วต้องหาคำตอบออกมาให้ได้เพื่อ ให้ตนเองได้ตัดสินใจว่าจะเปิดสัมปทานหรือไม่ ซึ่งถ้าตัดสินใจตามกฎหมายตามกติกาก็ต้องเปิด โดยทุกอย่างต้องทำให้เสร็จภายใน มี.ค. หาคำตอบมาให้ได้ ส่วนการเปิดสัมปทานที่เลื่อนไปวันที่ 16 มี.ค.จะมีการเลื่อนออกไปอีกหรือไม่นั้น ก็บอกแล้วว่าถ้ามีอะไรก็เลื่อนแต่ต้องมีเหตุผลมา ตนไม่รับข้อมูลข้างเดียวแต่ดูข้อมูลทั้งหมดแล้วนำมาเปรียบเทียบกัน เห็นบางอย่างไม่ตรงกันต้องเอาเหตุผลมาจะพูดลอย ๆ ไม่ได้ ตนลำบากใจที่จะตัดสินใจว่า จะทำอย่างไร ในเมื่อตนห้ามไม่ให้เคลื่อนไหวก็ให้มาพูดในช่องทาง เพื่อหาข้อยุติว่า รับได้ หรือรับไม่ได้ ไม่ใช่รับไม่ได้ทั้งหมด อะไรที่รับได้ก็ทำไปก่อน และหลังจากเวทีดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วอยากให้ไปถามประชาชนทั้งประเทศว่า มีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะวันนี้มีแต่ผู้เห็นต่างกับรัฐบาล ประชาชนคนอื่นยังไม่ได้มีโอกาสพูด หากฟังสองพวกก็มีอยู่แค่นี้ ดังนั้นต้องถามคนที่เหลือด้วย
เมื่อถามว่า ผลที่ตามมาของความขัดแย้งเรื่องพลังงาน นายกฯ จะถูกรุมสะกำหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อย่ามาถามผม ไปถามคนที่จะรุมสะกำผม ชอบถามคำถามกับคนที่ไม่อยู่ด้วย ไปถามคนที่คนพูดถึงซิ แล้วถ้าบ้านเมืองลุกลามบานปลายด้วยเรื่องพลังงานใครจะรับผิดชอบ เขารับผิดชอบด้วยหรือไม่ หากต้องฝ่าฝืนกฎอัยการศึกแล้วถูกดำเนินคดี เสียหายหรือไม่ แล้วใครเสียหาย ประยุทธ์ คนนี้สิที่จะเสียหายอีก มาโทษผมอีก"
เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นการเปิดสัมปทานปิโตเลียมรอบที่ 21 ในวันที่ 20 ก.พ.ที่ผู้คัดค้านต้องการให้นายกฯ มาร่วมรับฟังความคิดเห็นด้วยตัวเองหากไม่พร้อมก็ขอให้เลื่อนการเปิดเวทีออก ไปก่อน ว่า ตนอยู่ตรงไหนก็ฟังได้ทั้งนั้น เพราะมีการถ่ายทอดสดผ่านช่อง 11 ยืนยันว่า ตนเองรับฟังทั้ง 2 ฝ่ายไม่จำเป็นต้องลงไปนั่งอยู่ที่เวที และตนให้ความสำคัญในทุกเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องพลังงาน เพราะปัญหาประเทศชาติมีมากมาย อีกทั้งทราบดีว่า กลุ่มผู้คัดค้านจะตั้งคำถามใส่ตน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่อง ตนเป็นผู้ตัดสินใจรับฟังความเห็นของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งรัฐบาลและประชาชน อะไรที่เป็นกติกากฎหมายก็ว่ากันไปการตัดสินใจไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านกระบวนการกลไกต่าง ๆ และเมื่อรับฟังทั้งสองฝ่ายแล้วก็จะสรุป เพื่อหาทางออก และยืนยันว่า สำหรับรัฐบาลพรุ่งนี้ยังมีเวทีรับฟังความคิดเห็นอยู่ ใครไม่มาก็ไม่รู้ตนเปิดเวทีให้แล้ว แล้วไม่เข้าร่วมจะไปพูดข้างนอกมันจะได้อะไร เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จะมาบังคับให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีการตั้งธง แต่เป็นเพียงการทำตามหน้าที่ ตามกฎหมายเพราะมี พ.ร.บ.พลังงานกำกับอยู่ หากไม่ทำตามก็ถือว่า ผิด และวันนี้ภาคประชาชนก็ต้องรับฟังบ้าง เพราะกลุ่มที่คัดค้านเป็นกลุ่มเดิม ๆ ที่ผ่านมาก็มีการเปิดเวทีหลายครั้งแล้ว และไม่อยากเห็นการไปพูดในหลาย ๆ ที่โดยไม่ให้รัฐบาลชี้แจง และถ้ารัฐบาลชี้แจงแล้วเหตุผลสู้ไม่ได้ก็ต้องมาทบทวนว่า จะทำอย่างไรต่อไป ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีธงและไม่มีผลประโยชน์ และคิดว่ากลุ่มที่จะมาชี้แจงก็คงไม่มีธงมา เช่นกัน เพราะสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้จะมีไม่ได้
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
Source: นายกฯยันไม่เลื่อนเวทีปมถกสัมปทาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น